วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Coffee cherries | เมล็ด...เมล็ดกาแฟ

          
                   ผมเคยเขียนเรื่องของตำนานกาแฟ The dancing goat ของ ชายเลี้ยงแพะผู้ค้นพบเมล็ดกาแฟไปแล้ว วันนี้ผมจึงอยากพาท่านนักดื่ม(กาแฟ)ทุกท่าน ไปทำความรู้จักกับเมล็ดกาแฟก่อนที่มันจะถูกแปรรูปมาเป็นกาแฟคั่วบด กาแฟสด กาแฟถุงให้เราได้ลิ้มรสกัน

            ชนิดของเมล็ดกาแฟ มีด้วยกันหลายสายพันธุ์มาก แต่ที่นิยมเพาะปลูกและทำกาแฟมากที่สุดมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ อาราบิก้า กับ โรบัสต้า ส่วนกาแฟสายพันธุ์อื่นๆเป็นกาแฟที่หายากและไม่นิยมเพาะปลูกเท่าใดนัก ดังนั้นผมจึงขอไม่กล่าวถึงเมล็ดกาแฟอื่นใดนอกจากเจ้าสองตัวนี้นะครับ

Arabica รสกลมกล่อม หอมนุ่มละมุนลิ้น

      กาแฟ อาราบิก้า ถือว่าเป็นสายพันธุ์กาแฟที่นิยมเพาะปลูกมากที่สุดถึง 80% ซึ่งเพราะความเป็นเอกลักษณ์ในเรื่องของกลิ่นที่หอมและรสชาติที่นุ่มลิ้นที่ ถูกอกถูกใจนักดื่มมากกว่า และยังมีคาเฟอีนน้อยกว่าโรบัสต้าถึง 2 เท่า ทำให้มันมีรสชาติที่ขมน้อยกว่า แต่การดูแลนั้นยุ่งยากกว่าโรบัสต้า ทำให้ต้นทุนการเพาะปลูกสูงกว่า ราคากาแฟจึงสูงตามไปด้วย ทำให้บางยี่ห้อต้องใช้การผสมระหว่างอาราบิก้ากับโรบัสต้าเพื่อลดต้นทุนการ ผลิต ถึงกับมีการออกคำแนะนำผู้บริโภคให้อ่านฉลากให้ดีว่าต้องเป็น "100% Arabica Beans"  ผมไปอ่านเจอข้อมูลเว็บไซต์ร้านกาแฟแห่งหนึ่งไม่ขอเอ่ยนามถึงกับเขียนว่าร้าน กาแฟใช้อาราบิก้า 100% แถมยังเยาะเย้ยโรบัสต้าไว้อีกว่าเป็นกาแฟชั้นเลวราคาถูก ทางร้านไม่มีวันใช้แน่นอน

Robusta ลูกเมียน้อย?

                ผลผลิตของโรบัสต้ามี เพียง 20% เมื่อเทียบกับอาราบิก้าแล้ว โดยมีแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่บราซิล ส่วนการส่งออกเป็นอันดับแรกๆแซงหน้า บราซิล อินเดียและอินโดนีเซีย ไปก็คือเวียตนาม การปลูกโรบัสต้านั้นง่ายต่อการดูแลมากกว่าอาราบิก้า ไม่ต้องคอยไปเอาใจใส่มากมายทำให้ต้นทุนการผลิตนั้นต่ำกว่า ราคากาแฟจึงถูกตามไป

                กาแฟคั่วแบบโรบัสต้าจะให้รสชาติที่เข้มเต็มรสกาแฟ และมีรสชาติที่ขมกว่าเพราะคาเฟอีน ไม่ค่อยนุ่มละมุนลิ้นเหมือนอาราบิก้า เปรียบเหมือนหญิงสาวม้าดีดกะโหลก ในขณะที่อาราบิก้าเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนหวาน จึงถูกจัดเป็นกาแฟเกรดต่ำ แต่ลูกเมียน้อยใช่ว่าจะแย่เสมอไป เพราะความโดดเด่นของรสชาติไปถูกอกถูกใจชาวอิตาเลียนเข้าให้ ซึ่งมีการนำเอาโรบัสต้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกาแฟเอสเปรสโซ่ และใช้เป็นส่วนที่เรียกว่า crema เพื่อจะได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบที่เรียกว่า ‘full-bodied taste’
               แม้ว่าอาราบิก้าจะยังครองแชมป์ความนิยมที่สูงกว่า แต่ความโดดเด่นของลูกเมียน้อยแถมยังเป็นม้าดีดกะโหลกแบบโรบัสต้านั้น ทำให้มันถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมให้เกิดรสชาติที่เข้มขึ้น สำหรับผู้ที่เบื่อหน่ายความอ่อนนุ่มอยากลองอะไรที่มันตื่นเต้นเร้าใจดู ก็ต้องลองหันมามองโรบัสต้าดูบ้าง อาจจะติดใจในรสชาติจนลืมความนุ่มลิ้นของอาราบิก้าไปเลยก็ได้ ส่วนตัวผมยังชอบความหอมละมุนเบาๆของอาราบิก้าอยู่ แต่วันไหนเบื่อๆอยากได้รสชาติของชีวิตบ้างก็คงต้องหาลิ้มลองกาแฟรสชาติๆใหม่ แก้เบื่อกันสักแก้วละครับ


ภาพประกอบ : Informedfarmers,Theroasterie,Jula

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น